ทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับอาการแพ้ท้อง
การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความหวัง แต่ในขณะเดียวกัน อาการแพ้ท้องก็เป็นสิ่งที่คุณแม่หลายคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ มาทำความรู้จักกับเรื่องนี้กันดีกว่า!
อาการแพ้ท้องคืออะไร?
อาการแพ้ท้อง หรือที่เรียกว่า "Nausea and Vomiting of Pregnancy" (NVP) เป็นอาการที่ทำให้คุณแม่มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงเช้าหรือที่เรียกว่า "Morning Sickness" นั่นเอง ถึงแม้ว่าจะเรียกว่า "Morning Sickness" แต่บางคนอาจพบอาการนี้ได้ตลอดทั้งวัน
ทำไมถึงเกิดอาการแพ้ท้อง?
ถึงแม้สาเหตุที่แน่ชัดยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีหลายสิ่งที่อาจส่งผลต่ออาการนี้ เช่น
-
การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน: ฮอร์โมน HCG (Human Chorionic Gonadotropin) ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพ้ท้อง
-
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ: ร่างกายของคุณแม่ต้องปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบาย
-
ความไวต่อกลิ่น: บางคนอาจมีความไวต่อกลิ่นที่เพิ่มขึ้น ทำให้รู้สึกคลื่นไส้เมื่อได้กลิ่นอาหารหรือสภาพแวดล้อมบางอย่าง
จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่?
อาการแพ้ท้องมักจะเริ่มต้นระหว่างสัปดาห์ที่ 6 ถึง 8 ของการตั้งครรภ์ และมักจะค่อยๆ ดีขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 12 ถึง 14 แต่ในบางคน อาจมีอาการต่อไปจนถึงกลางของการตั้งครรภ์หรือแม้กระทั่งทั้งการตั้งครรภ์
วิธีการจัดการกับอาการแพ้ท้อง
-
รับประทานอาหารบ่อยๆ: แทนที่จะรับประทานอาหารมื้อใหญ่ ลองแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ สม่ำเสมอ
-
หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นแรง: เช่น อาหารทอดหรืออาหารที่มีเครื่องเทศมากๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการคลื่นใส้มากขึ้น
-
ดื่มน้ำให้เพียงพอ: รักษาความชุ่มชื้นในร่างกายเพื่อป้องกันการขาดน้ำ
-
ลองกินขนมขบเคี้ยว: ขนมปังกรอบหรือขิงสามารถช่วยคลายอาการคลื่นไส้ได้
-
พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับและการพักผ่อนสามารถช่วยเพิ่มพลังให้กับร่างกาย
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
หากคุณมีอาการแพ้ท้องที่รุนแรงจนไม่สามารถควบคุมได้ หรือถ้ามีอาการอาเจียนอย่างต่อเนื่องจนทำให้มีการขาดน้ำ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
สรุป
อาการแพ้ท้องเป็นเรื่องปกติที่พบได้ในระหว่างการตั้งครรภ์ และถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นเครื่องยืนยันว่าร่างกายของคุณกำลังทำงานเพื่อสนับสนุนชีวิตใหม่ที่กำลังเติบโตอยู่ ในขณะที่คุณแม่ยังสามารถดูแลตัวเองได้โดยการฟังร่างกายและหาวิธีที่เหมาะสมในการจัดการกับอาการเหล่านี้
ความรักและความสนใจที่คุณมีต่อลูกน้อยจะเป็นแรงผลักดันให้คุณอดทนในช่วงเวลานี้ และเมื่อเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็จะดีขึ้น!